รวมไดเอตที่กำลังมาในปี 2019

Nutrition, Tips and Technique


การลดน้ำหนักเป็นความต้องการหนึ่งที่หลาย ๆ คนเลือกทำกัน เพื่อให้เรามีรูปร่างที่ดีขึ้น และมักเป็นเป้าหมายประจำปีสำหรับหลายคนในแต่ละปี วิธีการให้เลือกทำก็มีหลากหลาย วันนี้เราจะมีพูดถึงวิธีลดน้ำหนักที่กำลังได้รับความสนใจต้อนรับปี 2019 นี้ครับ
 
1) Carnivorous Diet (CD) หรือ กินเนื้อสัตว์ล้วนๆ
     กระแสการกินนี้ เริ่มจาก “แพทย์” คนหนึ่งทางตะวัน มีความสนใจว่า หากเรากินแต่เนื้อสัตว์นั้น ก็จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ ซึ่งก็ได้เริ่มการปฏิบัติและแชร์ออกไปในวงกว้าง วิธีเริ่มได้รับความสนใจในหลายๆ แห่งทั่วโลก และคนอ้วนหลาย ๆ คนที่เริ่มทำพบว่า ได้ผลจริง รูปแบบคือ เลือกกินและปรุงอาหารอาหารที่ “มีต้นตอกำเนิดมาจากสัตว์เท่านั้น” อะไรที่มาจากพืชผักให้งดเว้นไปเลย เช่น ข้าว เครื่องปรุงที่ทำจากถั่วเหลือง (ซีอิ๊ว) โยเกิร์ต คอมบูฉะ (น้ำหมักที่ได้จากการหมักน้ำชาแบบหวาน ) ซุปก้อนที่ใช้ปรุงอาจมีการใส่น้ำตาล (ทำจากอ้อย) ก็งดไปด้วย ฉะนั้นการปรุงก็จะพึ่งพาเกลือต่าง ๆ เท่านั้น
     วิธีนี้ฟังดูน่าสนใจ แต่ก็เป็นวิธีที่คล้ายคลึงกับการกินแบบ Atkin ที่เคยได้รับความนิยมเมื่อหลายสิบปีก่อน ด้วยรูปแบบที่คล้ายกัน แม้จะแลกด้วยน้ำหนักที่ลดลงได้ เพราะการกินแต่เนื้อสัตว์ จะก่อให้เกิดความอิ่มด้วยแรงกลของการย่อยที่ยากกว่าพืช และหนักท้องย่อยนานกว่า ส่งผลให้เรากินอาหารรวมได้รับพลังงานรวมต่อวันลดลง จึงทำให้น้ำหนักลดได้ แต่ความเสี่ยงหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นคือ การก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ทั้งสาเหตุจากการงดเว้นพืชผักผลไม้ต่าง ๆ (ที่ควรรับประทานวันละอย่างน้อย 400 กรัม) และการเกิดสาร TMAO ในลำไส้เนื่องจากการกินเนื้อแดงอีก จึงควรพิจารณาและหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ดีก่อน
 
2) Intermittent Fasting (IF) หรือ การจำกัดการกินอาหารเป็นช่วงเวลา
     ยังคงเป็นวิธีที่แพร่หลายมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ออกกำลังกายและลดไขมัน มีต้นตอความคิดจากฮอร์โมนอินซูลิน ที่มีหน้าที่หนึ่งคือ การลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยการเปิดช่องขนส่งเข้าเซลล์ไขมัน จึงเกิดไอเดียว่า ถ้าเราจำกัดเวลาที่จะให้อินซูลินทำงาน เราก็น่าจะสะสมไขมันลดลงได้ มีรูปแบบต่าง ๆ เช่น กินได้ 8 ชั่วโมง งด 16 (เรียกอีกอย่างว่า 16/8) หรือ กินได้วันละ 1 ชั่วโมง (23/1)หรือกินอาหารและงดอาหารแบบวันเว้นวัน (24/24)
     หลักฐานรับรองเรื่องฮอร์โมนนั้นยังมีไม่มาก ความเป็นไปได้หนึ่งที่น่าสนใจคือ ส่งผลให้พลังงานที่ได้รับรวมต่อวันลดลงได้ เพราะเรามีพื้นที่ของกระเพาะอาหารที่จำกัด ฉะนั้นต่อให้เวลาที่เรารับประทานอาหารได้ตามโปรแกรม เราก็รับประทานได้ไม่เยอะมากขนาดจะรองรับถึง 3 มื้อต่อวัน จึงทำให้น้ำหนักเราลดลงได้เพราะเหตุนี้ ส่วนอื่น ๆควรระวังโรคประจำวัน เช่น กรดไหลย้อน กระเพาะอาหารอักเสบ อาจกำเริบได้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ > https://bit.ly/2IIOOn9
 
3) Ketogenic Diet หรือ กินแบบคีโตเจนิค
     เคยได้รับความนิยมในปี 2018 และกระแสเบาบางลงไป หลักการคล้ายคลึงกับ CD แต่จะมีกลุ่มอาหารที่รับประทานได้หลากหลายกว่า และพุ่งความสนใจไปที่ ระดับคีโตนในเลือดต้องมีตลอดเวลา เพราะเป็นการยืนยันว่าร่างกายถูกบังคับให้ใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลักอยู่
     วิธีการกินนี้ก็เช่นกัน ยังมีงานวิจัยรองรับถึงความปลอดภัยน้อยมาก (แทบไม่มีดีกว่า) แม้จะทำให้น้ำหนักลดได้จริง แต่ควรคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจพบ เช่น ความไม่สบายตัว ผื่นเฉพาะตัวที่เกิดจากการกินคีโต การได้รับไขมันมากเกินไปจนในอนาคตอาจเสี่ยงโรคหวัใจและหลอดเลือดได้ รวมทั้งความปลอดภัยอื่น ๆ ที่ต้องรอการศึกษาและวิจัยอีก สามารถศึกษา Ketogenic เพิ่มเติมจากเพจคลินิกโรคอ้วนโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้ที่ > http://bit.ly/2RY50II
 
เมื่อการกินสามรูปแบบนี้ กำลังมา หน้าที่หรือสิ่งที่ควรทำคือ การศึกษาหาข้อมูล สิ่งที่ต้องปฏิบัติและสิ่งที่สำคัญที่สุด “การทำนายและคาดการณ์ว่า ตัวเองจะทำได้นานสักแค่ไหน” เพราะทุกไดเอต หากเราล้มเลิกและกลับไปมีพฤติกรรมเหมือนก่อนเริ่มตัดสินใจทำการไดเอต ร่างกายและทุกอย่างของเราก็ย่อมกลับไปสู่จุดเดิมในที่สุดได้ครับ

(Visited 7,020 times, 1 visits today)

Last modified: May 8, 2019