PlanforFIT Inspiration #1 : โค้ชหนึ่ง วรกร

Weight Training

PlanforFIT : ก่อนจะเข้าสู่ช่วยสัมภาษณ์ขอให้พี่นำตัวนิดนึงครับ

คุณหนึ่ง : ชื่อ หนึ่ง วรกร วงศกรเมือง อายุ 37 จะ 38 แล้วครับ สูงประมาณ 174 cm. หนัก 86 Kg. ครับ

11149396_10204749394549624_5867887991419900329_n

PlanforFIT : หุ่นขนาดนี้พี่หนึ่งเล่นเวทมาแล้วกี่ปีครับ

คุณหนึ่ง : ก็ประมาณ 20 ปีครับ

PlanforFIT : ทำไมพี่หนึ่งถึงมาเริ่มเล่นเวทได้ครับ

คุณหนึ่ง : ตอนอายุ 16-17 ตอนแรกผมเป็นคนที่ผอมมาก ตอนนั้นหนัก 49 Kg. สูงประมาณ 173-174 cm. ก็ผอม ดูเหมือนผู้หญิง แล้วผมมีเพื่อนที่ตัวสูง ผมก็เคยคุยกับเพื่อนคนนี้ว่าถ้าผมสูงเท่ากันกับเขาน้ำหนักก็น่าจะเท่ากันแหละ แต่เพื่อนคนนี้ก็บอกว่าผมไม่มีทางเพิ่มขึ้นมาได้หรอก ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นเวท

ตอนแรกผมก็เริ่มจากวิดพื้นอยู่บ้าน กับโหนบาร์ แล้วก็กินเยอะๆ เดือนแรกก็ขึ้นมาก่อนเลยสิบกิโล แต่มันก็ขึ้นมาบวมๆแหละ เป็นไขมันด้วย หลังจากนั้นมาก็เล่นที่บ้านมาเรื่อยๆซักประมาณปีกว่าๆ แล้วก็เริ่มมาเข้าฟิตเนสที่ไทยญี่ปุ่นตอนอายุ 18 จากนั้นก็มาเจอหลายๆคน ที่เป็นนักกีฬาในช่วงนั้น อย่างเช่น พี่โอ๋ พี่ธรรม พี่แว่น แล้วก็พี่ยะ รัชนี บุญมาเลิศ เป็นคนที่ชักชวนเข้ามาเพาะกายเลย ตอนนั้นคือเล่นได้ซักพักนึงละ แต่ก็เวลาเราอยู่ในยิม เราก็นึกว่าตัวเองใหญ่แล้วแหละ แต่คือยังไม่ได้ไปเปรียบเทียบกับใคร พอเขาชวนให้ไปแข่งก็ลองดู

พอไปแข่งครั้งแรก แข่งที่โรงหนังพาต้า ปิ่นเกล้า พอแข่งปุ๊บตกรอบเลย แล้วก็เริ่มรุ้สึกว่า เรายังไม่ได้เข้าขั้นที่จะไปแข่งเพาะกายได้จริงๆ ก็เลยต้องเริ่มฝึกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และประกอบกับตอนนั้นเริ่มเป็นนายแบบด้วย ก็เลยจะตัวใหญ่มากก็ไม่ได้ ตัวใหญ่ได้แป๊บนึงก็ต้องรีบลดลงมากลับมารับงาน อดข้าว อดอะไรเพื่อไม่ให้ตัวใหญ่มาก จะได้รับงานได้ มันก็เลยอยุ่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเมื่อประมาณเกือบสิบปีที่แล้ว ที่ติดอันดับระดับประเทศ ตอนนั้นยังไม่มี Athletic ยังไม่มี Model ก็แข่งแล้วติดอันดับสามของประเทศ เมื่อสิบปีที่แล้ว ที่ Central รัตนาธิเบศร์

พอติดอันดับประเทศ ตัวก็เริ่มเปลี่ยนแล้ว คือเรากินดีขึ้น มีความรู้ทางโภชนาการมากขึ้น แล้วก็เล่นอย่างถูกวิธีแล้ว ก็คือมีระเบียบวินัยมากขึ้น ก็ทำให้รูปร่างเริ่มเปลี่ยน คราวนี้พอมันเปลี่ยนไปแล้ว เราก็เกิดเสียดาย เราก็ไม่อยากลดแล้ว ก็เลยต้องทิ้งงานนายแบบก็เพราะว่า ไม่มีใครจ้าง ก็เริ่มมาเป็นเทรนเนอร์ ตอนแรกก็เริ่มจากการมาเป็นผู้จัดการฟิตเนสก่อน เป็นผู้จัดการเทรนเนอร์ฝั่งประเทศไทย ตอนนั้นก็จะเน้นทำ Boot Camp เยอะๆ ตอนนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเทรนเนอร์ ก็คือผมจเรียนพวก Functional เยอะ แล้วก็สอน Group สอน Boot Camp สอนอะไรเยอะ แต่รู้สึกว่ามันยังไม่ทางของเรา เนื่องจากว่าทางของเรามันคือเพาะกาย การทำอะไรพวกนี้มันเป็นเพียงแค่การออกกำลังกายที่ทำให้สนุกและสุขภาพแข็งแรงสำหรับคนทั่วไป ที่อยากมีรุปร่างที่ดี สุขภาพที่ดี แต่ด้วยธรรมชาติของผม ผมอยากผิดมนุษย์ก็เลยเป็นเหตุให้อยู่ได้ซักพักก็ออกมา ก็เป็นผู้จัดการฟิตเนสอีกที่นึง ทีนี้ก็มีเวลามากขึ้นในการซ้อม คราวนี้ก็เลยได้ติดอันดับหนึ่งมาเรื่อยๆ

10168191_10202228021356870_6905286205053164493_n

PlanforFIT  : แล้วอะไรเป็นสิ่งที่พี่หนึ่งชอบที่สุดเลยครับ จากการเล่น Weight Training ?

คุณหนึ่ง : ก็รูปร่างแหละ โดยทั่วไปเลยนะ ก็คือ คนเราที่คิดจะเล่น Weight Training เนี่ย อย่างแรกที่คำนึงเลยก็คือการเปลียนแปลงรูปร่าง และสุขภาพที่ดีก็ตามมา ถึงแม้ว่าการเล่นเพาะกายบางทีก็อาจจะสุขภาพไม่ดีมากนัก เพราะว่ามันก็จะต้องมีการตัดสารอาหาร ลดสารอาหารเยอะเกินที่ธรรมชาติของร่างกายจะรับไหว แต่มันก็โอเคแหละ มันก็ทำให้เรารู้

มีบุคลิคภาพที่ดีขึ้น มีรูปร่างที่ดีขึ้น ใส่เสื้อผ้าสวย แต่ถึงตอนนี้มันจะเกินความสวยงามแล้ว แต่มันก็เป็นความชอบที่โอเคแหละที่เห็นรูปร่างตัวเองดูดีในกระจก

10406540_10202690655602437_5240675137837140093_n

PlanforFIT : มีช่วงท้อบ้างมั้ย แล้วทำยังไงถึงกลับมาเล่นได้ ?

คุณหนึ่ง :  หลังจากได้เหรียญทางจากกีฬาแห่งชาติ  ก็เลิกแข่งไปสองปี เนื่องจากตอนั้นมีปัญหาส่วนตัว  แล้วก็เลิกเลย ตอนนั้นก็เลยหมดไฟ แล้วก็ไม่คิดจะแข่งแล้วนะ แต่พอดีมาเป็นโค้ชให้พี่คนนึง แล้วพาพี่เขาไปแข่งบ่อยๆ แล้วพอเราได้เห็นบรรยากาศการแข่งอีกครั้ง แล้วรุ่นที่เราแข่งมีแชมป์ประเทศไทย คนนี้ได้สองสมัยแล้ว แล้วรู้สึกว่าอยากจะชนะคนนี้แหละ

หลังจากหยุดไปสองปี ก็กลับมาฟิตอยู่หกเดือน แต่ในระหว่างสองปีนั้นก็เล่นอยุ่ตลอดแหละ แต่ก็มีเที่ยวๆ กินเหล้า กินของที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ พอกลับมาทำอะไรเต็มที่ ก็ชนะได้ และก็ชนะมาตลอด

PlanforFIT : ตอนนี้พี่หนึ่งกำลังทำอะไรอยู่ครับ

คุณหนึ่ง : ตอนนี้ก็เป็นนักกีฬาทีมชาติ ในรุ่น Athletic Physique ชาย สูงเกิน 170 cm. แล้วก็เป็นโค้ชทีม Muscletech กับ Narlabs Thailand ครับ

9463_10203685249346659_8578353700292575679_n

PlanforFIT : พี่เป็นโค้ชมากี่ปีแล้วครับ

คุณหนึ่ง : ปีนี้ก็เข้าปีที่ 4 ครับ

PlanforFIT : มาเป็นโค้ชทีมชาติได้ยังไงครับ

คุณหนึ่ง : ตอนแรกเป็นนักกีฬามาก่อนครับ แล้วก็ถูกชวนเข้าทีม พอแข่งได้ซักพักนึงเราเริ่มรับนักกีฬาเยอะขึ้น แล้วคราวนี้ต้องหาคนที่สามารถดูแลนักกีฬาได้ และทางบริษัทก็เห็นว่า น่าจะเป็นคนที่ดูอาวุโสและดูแลนักกีฬาได้มากที่สุด ก็คือคุยกับนักกีฬารู้เรื่อง เลยได้มาดูแลนักกีฬา

ตอนแรกก็จะเป็นนักกีฬาที่เป็นเพื่อนๆกันก่อน แล้วก็จะมีลูกศิษย์ตัวเองอยุ่สองคน หลังๆก็เริ่มเยอะขึ้น ปั้นเด็กใหม่ๆมามากขึ้น ประมาณนั้นครับ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นโค้ช

PlanforFIT : มีแนวทางในการดูแลทีมยังไงบ้าง

คุณหนึ่ง :  ตอนแรกเลย นักกีฬาทุกคนในทีม ก็เรามีกฎง่ายๆเลยคือ ห้ามดราม่าในโลกโซเชียล สังเกตได้เลยว่านักกีฬาของผมจะไม่ไปยุ่งกับใคร ไม่มีไปโพสน้อยใจ ก็คือทุกคนอยู่กันแบบเป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงผู้ชายก็จะมาเล่นอยู่ด้วยกัน ทุกคนมาเล่นด้วยกันก็ต้องช่วยเหลือกัน นักกีฬาอย่างรุ่นโมเดลที่ลงแข่งเยอะๆ หลายๆคนต้องแข่งกันเอง แต่ก่อนที่จะแข่งกันเองเนี่ยทุกคนซ้อมด้วยกัน ก็คือมีการช่วยเหลือกันก่อนอยุ่แล้ว การวางแผนเรื่องการส่งคนไปแข่ง เช่นคนนี้ติดทีมชาติแล้ว ก็จะให้คนอื่นในทีมไปแข่งรายการอื่นแทน ประมาณนี้

PlanforFIT : คัดเลือกคนที่จะมาเข้าทีมยังไงครับ

คุณหนึ่ง : ก็ต้องเห็นนิสัยใจคอกันซักพักนึงก่อนแหละ แล้วถึงจะมาซ้อมด้วยกัน หลายๆคนเป็นเด็กที่มาเล่นฟิตเนสด้วยกัน แต่ก็มีหลายๆคนที่เป็นคนรู้จักอยู่ที่ฟิตเนสเก่า แล้วก็เห็นคนที่เล่นฟิตเนสแบบตั้งใจ ก็เลยชวนเข้าทีม ใครที่ต้องการเข้ามา ก็ต้องมีการพิสูจน์ เช่นก็จะมีแมทช์ให้แข่ง แต่ยังไม่ได้เป็นนักกีฬาในทีมนะ เป็นการพิสูจน์ตัวเองก่อนว่าเขาพร้อมจะเป็นนักกีฬาได้หรือเปล่า ก็คือลองไปซักพักนึงแล้วจะรู้แหละ เพราะจะมีการน้อยใจ ดราม่า ไม่ซ้อม อะไรประมาณนี้ แมทช์สองแมทช์เราก็รู้ละ

1010412_10203522682522590_2082788275758457708_n

PlanforFIT : ถ้ามีนักกีฬาในทีม เริ่มท้อ มีวิธีการให้กำลังใจอย่างไรบ้างครับ

คุณหนึ่ง : ก็ต้องถามเขาไปก่อนนะครับว่าจิตใจเขาอ่ะ ต้องการอะไร ถ้าเขาต้องการจะเป็นแชมป์หรือต้องการจะแข่ง ก็ต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเผื่อเขามีเรื่องงานหรือเรื่องอะไรก็ต้องให้เขาเคลียร์ก่อน หยุดแข่งไปก่อน แล้วพร้อมเมื่อไหร่ค่อยกลับมาแข่ง แต่คือจะพยายามกระตุ้นตลอด ว่าถ้าอย่างน้อย ถ้าคุณไม่แข่งตอนนี้คุณก็ต้องดูแลตัวเองต่อไป เพื่อ วันใดวันนึงคุณไม่รู้หรอกว่าคุณอยากจะกลับมาแข่งเมื่อไหร่ ดังนั้นร่างกายคุณต้องพร้อม คุณซ้อมตลอด ก็กลับมาได้

PlanforFIT :  โปรแกรมอาหารปัจจุบันทานยังไงบ้างครับ

คุณหนึ่ง : ตอนนี้ทานโปรตีนประมาณ 300 g เพราะว่าเป็นคนที่ทานเยอะ แต่จะคำนวนแป้งนิดนึง จะสังเกตได้ว่าผมจะชัดตลอด ผมจะคาร์ดิโอเยอะมาก แต่เรื่องแป้งนี่ผมจะคุมตลอด จะกินอยู่ประมาณแค่วันละ 300 g แล้วก็ไขมันประมาณ 30 g

11070741_10204505615895310_2194205927331867795_n (1)

PlanforFIT : โปรแกรมนี้ทานมานานแล้วหรือยังครับ

คุณหนึ่ง : ก็นานแล้วครับ ประมาณ 2-3 ปีแล้ว ร่างกายก็เลยไม่ค่อยเปลี่ยน ไม่ค่อยบวม จะอยู่ที่ 85-86 Kg ตอนแข่งจะอยู่ที่ 77 Kg เพราะถ้าเพิ่มมากกว่านี้เยอะไป ก็จะเหนื่อยมากตอนแข่ง ก็เลยรักษาให้อยู่ประมาณนี้ และผมเป็นคนที่เล่นกีฬาหลายประเภท ก็เลยไม่อยากให้บวมมาก บวมมากปั่นจักรยานก็ไม่ไหว ต่อยมวยก็ไม่ได้ ก็เลยคุมให้มันอยู่ประมาณนี้

PlanforFIT :  โปรแกรมการเล่นเวท

คุณหนึ่ง : 

วันจันทร์ – ต้นขาด้านหน้า กับ น่อง

วันอังคาร – หน้าอก กับ หน้าแขน

วันพุธ – ต้นขาด้านหลัง กับ โฟร์อาร์ม

วันพฤหัส – หลัง กับ หลังแขน

วันศุกร์ – หัวไหล่ กับ น่อง

วันเสาร์ – จะเป็นท่าฝึกเก็บรายละเอียดกล้ามเนื้อบางส่วน

PlanforFIT :  อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังท้อแท้ในการเล่นเวทบ้างมั้ยครับ

คุณหนึ่ง : การเล่นเวทก็เหมือนการหยอดกระปุก คุณไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะเต็ม คุณก็จะไม่เห้นข้างในกระปุก ยกเว้นว่าข้างในมันจะใสจริงๆ ดังนั้นก็เล่นไปเหอะ เล่นไปเหมือนเป็นชีวิตประจำวัน เหมือนกินข้าว อาบน้ำ คือคุณเสียสละเวลามาเล่น มาเจอเพื่อน มาเจอแรงกระตุ้น ทำให้มันเป็นชีวติประจำวันแล้วจะได้ไม่เบื่อ

11737980_10205338873126220_7348787995876827995_n

 

1656397_10201943109034240_1812653529_n

 

11390197_10205108284201641_7392245745076752710_n

 

11121111_10204646450576089_4896318765756919713_n

 

(Visited 2,673 times, 1 visits today)

Last modified: May 10, 2019