ในปัจจุบันหากเราค้นหาคำว่า “สูตรลดน้ำหนัก” ในเวบค้นหาทั่วไป และสิ่งที่คนทั่วไปค้นพบนั้น อาจจะเปลี่ยนชีวิตคนนั้นไปในทันที แต่ไม่ใช่ในทางที่ดีอย่างทีเราใฝ่ฝันเสมอไปเราต่างทราบว่า เราไม่มีทางลดน้ำหนักได้เร็วขนาดนั้นในขณะที่ยังคงรักษาสุขภาพดีได้พร้อมๆกัน
ข้อมูลต่อไปนี้จะไขข้อเท็จจริงและจะทำให้คุณต้องตกใจ
สูตรลดน้ำหนักที่มีเมนูต่างๆที่ถูกกำหนดไว้ในแต่ละวัน ดังที่จะยกตัวอย่างวันหนึ่งในเมนูเหล่านั้น ดังนี้
เช้า โยเกิร์ตรสนม 1 ถ้วย
เที่ยง ไข่ต้ม 2 ฟอง กาแฟดำ
เย็น สลัดผักกะหล่ำ มะเขือเทศ
หากเปลี่ยนอาหารทั้งหมดนี้เป็นสารอาหารจะได้
พลังงานทั้งหมด 400calories โดยเป็นสารอาหาร คาร์โบไฮเดรต 35กรัม โปรตีน 23กรัม และ ไขมัน 18กรัม เท่านั้นเอง
ผลลัพธ์จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม สูตรเหล่านี้ถึงถูกบอกปากต่อปากว่า ได้ผล และ ลดจริงได้หลายๆกก.ภายในเวลาอันสั้น วิทยาศาสตร์ภายใต้สูตรลับเหล่านี้คือ
1.พลังงานต่อวันที่น้อยเกินไป เราต่างทราบว่าการจะลดน้ำหนักนั้นเราต้องรับประทานอาหารให้ได้พลังงาน “น้อยกว่า” ที่้ใช้ โดยอาศัยพื้นฐานของค่าแนะนำของคนทั่วไปที่ให้ค่าแนะนำไว้ที่ 2000calories/วัน ซึ่งพลังงานที่เหมาะสมในการลดน้ำหนักเบื้องต้นนั้นลดลงเหลือ 1800 หรือ 1500calories ก็จะสามารถลดน้ำหนักได้แล้ว แต่สูตรเหล่านี้ ลดพลังงานต่อวันเหลือเพียง 400calories เท่านั้น ซึ่งแน่นอนยังไงก็ไม่มากกว่าพลังงานที่ใช้ในแต่ละวันอย่างแน่นอน
2.อาหารในกระเพาะ
เมื่อเราทานอาหารเข้าไป อาหารจำเป็นต้องใช้เวลาย่อย และ คงอยู่ในร่างกาย การที่ทานอาหารน้อยขนาดนี้ทำให้อาหารในกระเพาะอาหารมีน้อย ทำให้ น้ำหนักของร่างกายลดลงเร็ว เพราะผู้ที่เข้าโปรแกรมแทบจะมีสภาวะ “ท้องว่าง” ตลอดเวลา
3.บวกกับอาหารอย่างโยเกิร์ต และ กาแฟดำ โดยโยเกิร์ตทำหน้าที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ในขณะที่กาแฟดำนั้นทำหน้าที่ขับน้ำในร่างกายอ่อนๆ ซึ่งอาหารในลำไส้ และน้ำในร่างกายนั้นไม่มีผลต่อปริมาณไขมันในร่างกาย และ การลดน้ำหนักเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราดูดีขึ้นเลย มีเพียงแต่ตัวเลขบนตาชั่งเท่านั้นที่ลดลง
สิ่งที่เกิดขึ้นอันตรายกว่าที่คิด
เมื่อสร้างพฤติกรรมเหล่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นอันดับแรกคือ “ระบบเผาผลาญพัง” เนื่องจากการทานอาหารพลังงานต่ำเกินไปต่อวันทำให้ร่างกายไม่สามารถคงสภาพระบบเผาผลาญอยู่ในระดับเดิมได้ ทำให้ร่างกายต้อง “ลดระบบเผาผลาญลง” เพื่อปรับตัวต่อภาวะ “อดอาหาร” หรือแทบจะ “จำศีล” ของผู้เข้าโปรแกรม และเมื่อเวลาผ่านไประบบเผาผลาญก็จะยิ่งลดต่ำลงจนแทบๆจะใกล้กับสูตรลดน้ำหนักที่ใช้เลยทีเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อผู้ที่เข้าโปรแกรมทนไม่ไหว และ “หลุดโปรแกรม” กินขนมหรืออาหารที่นอกเหนือจากโปรแกรม ซึ่งส่วนใหญ่จะรับประทานเป็นปริมาณมาก และให้พลังงานที่สูงกว่ามาก เช่น ทนไม่ไหวทานเค้กไป1ชิ้น ซึ่งเค้ก1ชิ้นนั้นให้พลังงาน 500-600calories แล้วซึ่งในขณะนี้ร่างกายเผาผลาญได้เพียง 400calorieจากการทานตามสูตรซ้ำๆ แต่ร่างกายได้พลังงานจากเค้กอย่างเดียว 500-600calories ซึ่งเกินจากที่รับไหว และถ้าเกิดการทำซ้ำๆ เช่น ทานเค้กหลายชิ้น ก็ยิ่งทำให้ร่างกายได้รับพลังงานส่วนเกินมากขึ้น
เมื่อเทียบกับคนปกติที่เผาผลาญอาหารที่ทานได้ 1500calories นั่นแปลว่าการทานเค้ก 1-2ชิ้น ก็ไม่เสี่ยงทำให้ “อ้วน” หรือ “โยโย่” เท่าคนที่ทานตามสูตรจนเผาผลาญได้เพียง 400calories
ปัญหาทางจิตวิทยา
การที่ร่างกายถูกบังคับให้ได้รับอาหารปริมาณน้อยๆร่างกายจะเพิ่มความอยากอาหารขึ้นเพื่อฟ้องให้เราต้องรับประทานอาหาร แต่สิ่งที่เราทำคือการพยายามกดความรู้สึกเหล่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือ ความเครียด อารมณ์ที่แปรปรวนง่าย การเหม่อลอย ขาดสติ หมดเรี่ยวแรง และ ซึมเศร้า จนสุดท้ายเกิดอาการ “โหยอาหาร” ทำให้เมื่อได้ลิ้มรสชาติอาหารนั้นๆแล้วจะ “ไม่สามารถหยุดได้” จนสุดท้ายก็รับประทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไป และ เกิดอาการรู้สึกผิดที่กินเยอะ เพราะกลัวความอ้วน และจะเข้าสู่วังวนเดิมคือ ซึมเศร้า เครียด และ นำไปสู่การ โหยอาหารและการทานอาหารแบบหยุดไม่ได้อีกต่อๆไป ทำให้เกิดภาวะทางจิตวิทยาที่ไม่สามารถออกจากวังวนเหล่านี้ได้
ร่างกายเสียกล้ามเนื้อ หนังย้วยหย่อน และ “ไม่ได้ดูดีขึ้นเลย”
แม้น้ำหนักที่ลดลงจะมากในระยะเวลาสั้นๆ แต่ผู้ที่เข้าโปรแกรมนั้นไม่ได้ดูดีขึ้นเลย เนื่องจากส่ิงที่หายไปส่วนใหญ่คือกล้ามเนื้อ ไขมัน และ อาหารในกระเพาะ ดังนั้นจะเกิดภาวะ Skinny fat ตัวเล็กลงจริงแต่นิ่ม หนังย้วย ไม่เฟิร์มและดูกระชับในแบบที่ต้องการ
ภาวะขาดสารอาหาร จากการรับประทานอาหารที่น้อยละไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแบบนี้ ในระยะเวลาหนึ่งร่างกายจะเกิดภาวะ “ขาดสารอาหาร” แม้อาหารที่ทานจะครบ5หมู่ก็ตาม แต่ปริมาณนั้นไม่เพียงพอที่ร่างกายจะบำรุงรักษาตัวเองให้ดีอยู่ได้ ผู้ที่เข้าโปรแกรมจึงยิ่งห่างไกลกับคำว่าสุขภาพดีขึ้นอีก
เพราะชีวิตไม่ได้หยุดอยู่ตรงแค่ที่เรา “ผอมลง” ลองจิตนาการว่า หากการทานตามสูตรเหล่านี้ทำให้เราผอมลง หรือ หุ่นดีได้จริง แต่จะนานแค่ไหนที่เราจะสามารถดำรงชีวิตได้ด้วยอาหารเหล่านี้? เราจะมีความสุขกับหุ่นดีๆได้นานแค่ไหนถ้าในแต่ละวันเราสามารถรับประทานอาหารได้เพียงเท่านี้? คำถามเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้เข้าโปรแกรมจะต้องตอบตัวเอง และไม่ว่าจะอย่างไรจุดสุดท้ายของโปรแกรมนี้ก็คงหนีไม่พ้น “การกลับมาอ้วนใหม่” อยู่ดี