จากบทความอาหารเสริมสำหรับการลดไขมันและน้ำหนัก จะพบว่ามีแต่สารที่ยังต้องรองานวิจัยยืนยันผลแทบทั้งนั้น และบางตัวพบว่าแทบไม่มีผลต่อการลดไขมันด้วยซ้ำ จึงทำให้ความน่าสนใจของการใช้ fat burner นั้นน่าจะลดลง
ในเมื่อสารแต่ละตัวยังไม่ได้ยืนยันผลประสิทธิภาพจากการวิจัย หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าถ้าเป็น fat burner ที่เอาสารที่ว่านี้มาผสมกันมันอาจจะได้ผลก็ได้
จากการวิจัยในปี 2013[1]ก็ได้ทำการเอา fat burner ยี่ห้อนึงมาทดสอบ ซึ่งส่วนผสมหลักเป็น
– Caffeine: ตัวยอดนิยมที่มักมีการโฆษนาว่าเพิ่มการเผาผลาญ (thermogenesis), เพิ่มการสลายไขมันจากแหล่งสะสม (lipolysis)
– Grean tea extract: จากบทความอาหารเสริมสำหรับการลดไขมันได้จัดตัวนี้ว่า “น่าจะมีประสิทธิภาพ”
– L-carnitine tartate: ตัวยอดนิยมที่คนที่จะลดไขมันมักนึกถึง แต่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไร (แนะนำให้อ่านบทความ L-carnitine เพิ่มเติม)
– Herbal extracts: สารสกัดจากสมุนไพรอื่นๆ เช่น yerba mate
จากการทดลองพบว่ากลุ่มที่ได้รับ fat burner นั้นมีระดับการเผาผลาญเพิ่มขึ้นประมาณ 150 Kcal/วัน หรือเทียบเท่ากับการออกกำลังกายประมาณ 10-15 นาที ขึ้นกับความเข้มข้นของการออกกำลังกาย
จะเห็นได้ว่าระดับการเผาผลาญที่เพิ่มมานั้นไม่ได้เยอะซักเท่าไร เมื่อเทียบกับทฤษฏีทีว่าการจะเผาผลาญไขมัน 1 kg ต้องทำให้พลังงานติดลบประมาณ 7,000 Kcal นั้นพบว่าถ้าใช้ fat burner ที่มีการเผาผลาญเพิ่มขึ้น 150 Kcal/ วัน นั้น ต้องใช้เวลา 7,000/150 = ประมาณ 46 วัน
ดังนั้นถ้าเราจะไม่ใช้ fat burner แล้วใช้การออกกำลังกายแทนก็ย่อมทำได้ และสามารถประหยัดเงินได้อีกด้วย
สำหรับกรณีที่คิดว่าจะคาร์ดิโอวันละ 1 ชม ในกรณีที่มีหรือไม่มี fat burner ควบคู่ จะลองคำนวณตามทฤษฏีให้คร่าวๆ ครับ
ออกกำลังกายอย่างเดียว: ประมาณ 500 Kcal จะใช้เวลาประมาณ 14 วันในการลดไขมัน 1 kg (7,000/500 = 14)
ออกกำลังกาย + fat burner: ประมาณ 650 Kcal (จากการออกกำลังกาย 500 และจากอาหารเสริม 150 Kcal)จะใช้เวลาประมาณ 11 วัน (7,000/650 = 10.76)
จะเห็นว่าในกรณีที่เสริม fat burner ไปนั้นก็ประหยัดวันลงไปได้บ้าง (ผลต่าง 3 วัน) ซึ่งก็แล้วแต่การประเมินความคุ้มค่าของแต่ละคนแล้วละครับว่าจะเลือกใช้ fat burner ดีหรือไม่
อ้างอิง
1. Outlaw J, Wilborn C, Smith A, Urbina S, Hayward S, Foster C, Wells S, Wildman R, Taylor L: Effects of ingestion of a commercially available thermogenic dietary supplement on resting energy expenditure, mood state and cardiovascular measures. J Int Soc Sports Nutr2013, 10(1):25.