เทสโทสเตอโรนเป็นฮอร์โมนเพศชายที่มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่เล่นกล้ามที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ,
ผู้ที่ต้องการจะลดไขมันก็จะได้รับผลประโยชน์ที่ดีของการมีฮอร์โมนตัวนี้ในปริมาณที่ไม่น้อยจนเกินไป
ในกรณีของคนที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อนั้น ตัวเทสโทสเตอโรนมีความสำคัญต่อการสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของร่างกาย เมื่อร่างกายออกแรงมากขึ้นก็จะกระตุ้นให้เกิดการเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้มากขึ้น
และตัวเทสโทสเตอโรนนั้นก็มีความสำคัญที่ทำให้ระดับการสังเคราะห์โปรตีนนั้นเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับคนที่ต้องการจะลดไขมันก็ยังต้องการเทสโทสเตอโรนอยู่ดี ตรงนี้ก็เพื่อที่จะรักษามวลกล้ามเนื้อเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะระดับการเผาผลาญพลังงานนั้นขึ้นกับปริมาณมวลกล้ามเนื้อด้วย
ยิ่งมีมวลกล้ามเนื้อมากก็ยิ่งมีระดับการเผาผลาญมาก ซึ่งการเผาผลาญที่สูงต่อเนื่องนั้นจะทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ดีกว่าคนที่มีการเผาผลาญที่ต่ำกว่า
ดังนั้นการรักษามวลกล้ามเนื้อเอาไว้ในช่วงลดไขมันนั้นก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างนึงที่จะทำให้การลดไขมันประสบความสำเร็จ
ปัจจัยที่กระทบต่อระดับเทสโทสเตอโรนก็มีหลากหลาย เช่น ปริมาณไขมันที่กินแต่ละวัน, ความเครียด แต่สำหรับบทความนี้จะเน้นไปที่ผลของ “การนอนหลับ” ว่ามีความสำคัญต่อระดับเทสโทสเตอโรนครับ
โดยข้อมูลในบทความนี้ก็จะนำมาจากการศึกษาวิจัยเหมือนกับบทความอื่นๆ ทีทาง PlanforFIT ลงเป็นประจำ
นอนน้อย (< 4 ชั่วโมง) ทำให้ระดับเทสโทสเตอโรนลดต่ำลง
การวิจัยนี้ได้ทำการตรวจวัดระดับเทสโทสเตอโรนในผู้ชายช่วงอายุ 29-72 ปี จำนวน 531 คน ซึ่งจำนวนดังกล่าวถือว่าค่อนข้างเยอะและครอบคลุมหลายช่วงอายุ
พบว่าผู้ชายที่นอนน้อยกว่า 4 ชม นั้นมีระดับเทสโทสเตอโรนเพียง 60% ของผู้ชายที่นอนมากกว่า 8 ชม
พูดง่ายๆ คือคนที่นอนน้อยกว่า 4 ชมนั้นมีฮอร์โมนเพศชายน้อยกว่าเกือบครึ่งนึงนั่นเอง
สำหรับคนที่พักผ่อนน้อยก็พยายามนอนให้ได้ 6-8 ชม เพื่อรักษาระดับเทสโทสเตอโรนให้สูงไว้จะได้ประสบความสำเร็จต่อการดูแลรูปร่างให้เป็นไปตามที่ต้องการ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวก็เป็นระดับที่ดีกับร่างกายในแง่อื่นๆ
ที่นอกเหนือจากการดูแลรูปร่างออีกด้วย แต่ถ้าติดอุปสรรคที่ไม่สามารถนอนได้ 6-8 ชม ก็จำเป็นต้องไปเน้นหนักที่การฝึกและคุมอาหารให้เนี้ยบและแม่นยำขึ้นกว่าเดิมเพื่อชดเชยส่วนตรงนี้แทนครับ
อ้างอิง
Goh VH, Tong TY. Sleep, sex steroid hormones, sexual activities, and aging in Asian men. J Androl. 2010;31(2):131-7.