ตัวเลือกสำหรับ การทำคาร์ดิโอเพื่อลดไขมันนั้นก็มีหลายอย่าง ซึ่งทุกอันก็ไม่ได้ส่งผลเหมือนกันเป๊ะๆ 100% การจะใช้เครื่องไหนก็ต้องปรับให้เหมาะสม
การทดลองทำการ เปรียบเทียบว่าการปั่นจักรยานกับการเดินบนลู่วิ่งนั้นระดับ fat oxidation หรือก็คือการนำไขมันมาใช้เพื่อเป็นพลังงานแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
โดยคุมให้ทั้ง สองวิธีนี้ทางผู้วิจัยได้พยายามปรับระดับความหนักของการออกกำลังกายทั้งสอง วิธีให้มีอัตราการเต้นของหัวใจใกล้เคียงกัน [1]
ปั่นจักรยาน | เดินบนลู่วิ่ง (treadmill) | |
อัตราการเต้นช่วงต้นการทดลอง | 108 ± 3 | 105 ± 3 |
อัตราการเต้นช่วงท้ายการทดลอง | 172 ± 3 | 174 ± 5 |
ผลการทดลองเป็นไปตามรูปข้างล่าง
สังเกตว่าที่ ระดับ fat oxidation (แกน y) ของกลุ่มที่เดินบนลู่วิ่ง (กราฟแท่งสีดำ) นั้นมีระดับที่สูงกว่ากลุ่มที่ปั่นจักรยาน (กราฟแท่งสีขาว) โดยทางผู้วิจัยสรุปว่ากลุ่มที่เดินบนลู่วิ่งมีระดับ fat oxidation สูงกว่าถึง 28%
สาเหตุที่เป็นไป ได้ก็อาจจะเนื่องจากการเดินบนลู่วิ่งนั้นใช้กล้ามเนื้อหลายส่วน ทั้งขาส่วนที่เดินและรับน้ำหนัก, กล้ามเนื้อในส่วนแกนกลางที่ประคองร่างกาย, กล้ามเนื้อขณะที่แกว่งแขน
ข้อดีของลู่วิ่ง: มีระดับ fat oxidation (การใช้ไขมัน) มากกว่า
ข้อดีของปั่นจักรยาน: ทำได้ง่าย, อาจจะออกกำลังกายได้นานกว่าลู่วิ่งซึ่งตรงนี้จะชดเชยข้อเสียไปได้
ดังนั้นถ้า ปัจจัยว่าเรามีเวลาจำกัดที่คงที่แล้วต้องการให้มีประสิทธิภาพมาก เช่น มีเวลา 20 นาที นั้น การเดินบนลู่วิ่งนั้นมีระดับการใช้ไขมันมาเป็นพลังงานสูงกว่า
แต่ถ้าเรามีเวลามากพอการเลือกปั่นจักรยานแล้วเพิ่มเวลาให้มากขึ้นก็ชดเชยได้
ส่วนเครื่องออกกำลังกายอื่นๆ อาจจะใช้หลักการเดียวกันได้ เช่นพวกที่มีการเคลื่อนไหวเยอะๆ เช่นเดินขึ้นบันได ก็น่าจะได้ผลเช่นเดียวกัน
อ้างอิง
1. Achten J, Venables MC, Jeukendrup AE: Fat oxidation rates are higher during running compared with cycling over a wide range of intensities. Metabolism: clinical and experimental 2003, 52(6):747-752.