Detox-diet ได้ผลไหม ดีจริงหรือเปล่า ?

Nutrition

 

 

กระแสการล้างสารพิษหรือดีทอกซ์ นับเป็นกระแสสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จนเกิดแนวทางมากมายให้ได้ลองทำกัน เพื่อให้ล้างสารพิษออกจากร่างกาย ข้อนี้เป็นความจริงหรือไม่ สารพิษจะตกค้างในร่างกายได้แค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นมีงานวิจัยที่รายงานผลที่ชัดเจนอยู่หรือไม่ สำหรับการทำดีทอกซ์เหล่านี้

วันนี้เรามาคุยกันในประเด็นนี้ดีกว่าครับ

ที่มาของการล้างสารพิษ

หลังจากที่เราค้นพบว่าโรคต่าง ๆ มีสาเหตุมาจากการสะสมของสารอนุมูลอิสระหรือสารพิษในร่างกายซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งซึ่งเป็นโรคที่หลาย ๆ คนไม่อยากพบเจอแน่นอน ซึ่งมีแนวคิดว่า การใช้ชีวิตในแต่ละวันซึ่งมักได้รับมลภาวะจากสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระรวมทั้งสารพิษสะสมในร่างกาย รวมถึงการรับประทานอาหารในปัจจุบันก็ถูกมองว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของการสะสมสารพิษในร่างกายได้ ผู้ที่สนใจด้านสุขภาพเลยค้นคว้าหาวิธีการที่จะลดปริมาณสารตกค้างในร่างกายเหล่านี้ออกไป แนวคิดการล้างสารพิษ ซึ่งตรงกับศัพท์คำว่า Detoxification จึงเกิดขึ้น

การล้างสารพิษหรือ Detox คืออะไรกันแน่ ?

กระบวนการล้างสารพิษหรือ Detoxification ตามหลักการทางสรีรวิทยาหรือการทำงานของร่างกายของสิ่งมีชีวิตคือกระบวนการเปลี่ยนแปลงสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ให้มีความเป็นพิษลดลงหรือหมดไป ยกตัวอย่างเช่น การย่อยอาหารกลุ่มโปรตีนจะเกิดสารกลุ่มแอมโมเนีย ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ร่างกายเป็นอย่างมาก จึงมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงแอมโมเนียให้เป็นยูเรีย ซึ่งมีความเป็นพิษลดลงอย่างมากและละลายน้ำได้ จึงสามารถถูกขับทิ้งได้ทางปัสสาวะและออกจากร่างกายในที่สุด ซึ่งกระบวนการดีทอกซ์นี้ จะมีตับและไตเป็นอวัยวะหลักในการทำงาน แล้วแนวการปฏิบัติที่กล่าวอ้างว่าเป็นการดีทอกซ์ จะช่วยสนับสนุนให้การล้างสารพิษเหล่านี้เป็นไปได้ดียิ่งขึ้นหรือไม่ ?

อันที่จริงแล้ว ศาสตร์แห่งการดีทอกซ์ได้รับความสนใจมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ในวงการแพทย์ที่สนใจศาสตร์นี้ได้แก่ เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging medicine) รวมทั้งการแพทย์ทางเลือกต่าง ๆ ก็มีการศึกษาวิธีการในการดีทอกซ์มากมาย ตัวอย่างของการดีทอกซ์ที่ได้รับความนิยมมีดังนี้

 

• การสวนล้างทางทวารหนักด้วยน้ำกาแฟหรือน้ำมะนาว เชื่อว่ากระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษและอุจจาระที่เชื่อว่าตกค้างอยู่ในลำไส้ได้ หากทำเป็นประจำ

 

• การดีทอกซ์ด้วยการดื่มแต่น้ำผักและผลไม้เพียงอย่างเดียวเป็นเวลาตั้งแต่ 1 – 3 วัน บางตำรามีการทำให้ยาวนานถึง 7 วัน หรือบางตำราก็ให้ดื่มแต่น้ำเปล่า โดยเชื่อว่าจะกระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษเก่าที่ตกค้างอยู่ทิ้งออกมา

 

• การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่กล่าวอ้างว่า สามารถจับกับสารพิษที่ตกค้างในร่างกายและขับทิ้งออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นทางปัสสาวะ เหงื่อหรืออุจจาระ

 

• การทำคีเลชั่น (Chelation) หรือการนำเอาสารที่มีคุณสมบัติในการจับโลหะหนักหรือสารอื่น ๆ (Chelating effect) ให้ผ่านอยู่ในกระแสเลือดด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น เอาเลือดออกมาจากร่างกายด้วยเครื่องฟอกไตและใส่สารคีเลทเข้าไป การให้น้ำเกลือที่ผสมสารคีเลทเข้าไปในร่างกาย หรือการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารคีเลท สารคีเลทที่นิยมได้แก่ EDTA DMPS DMSA เป็นต้น

 

แม้วิธีการดีทอกซ์จะเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่รักษาสุขภาพ ต้องการชะลอวัยหรือต้องการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังอันเนื่องมาจากสารตกค้างประเภทต่าง ๆ แต่ผลของการรักษาด้วยวิธีการเหล่านี้กลับขาดหลักฐานสนับสนุนถึงผลดีที่กล่าวอ้างขึ้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ ผลดีที่เกิดจากการทำดีทอกซ์ด้วยวิธีการต่าง ๆ นั้นเป็นเพียงสมมติฐานหรือการคาดการเอาว่า น่าจะดีต่อสุขภาพเท่านั้นเอง ยังขาดซึ่งหลักฐานใด ๆ ที่เพียงพอ

 

ยกตัวอย่างเช่น การสวนล้างด้วยน้ำกาแฟทางทวารหนัก การ​ “อัด” ของเหลวใด ๆ เข้าทางทวารหนักให้ไหลไปตามลำไส้ใหญ่นั้น มวลของน้ำที่อัดตัวในลำไส้ย่อมกระตุ้นระบบประสาทที่อยู่รอบ ๆ ลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดการปวดถ่ายท้องอยู่แล้ว มิหนำซ้ำแพทย์ทางเดินอาหารยังให้ข้อมูลอีกว่า การกระตุ้นการขับถ่ายด้วยวิธีนี้เป็นประจำ จะทำให้การปวดถ่ายท้องลดลงได้ กล่าวคือ ทำนาน ๆ จะพาลปวดอึตามธรรมชาติลดลง และที่สำคัญที่สุด ไม่มีงานวิจัยใด ๆ ออกมารองรับได้เลยว่า การสวนล้างด้วยน้ำกาแฟ สามารถลดอุบัติการณ์มะเร็งลำไส้ใหญ่ลงได้เลย

อย่างนั้น อาหารเพื่อการล้างสารพิษล่ะ ?

บอกอย่างสั้น ตัดตอนตั้งแต่ต้นคือ “ไม่เป็นความจริงครับ คนทำต่างก็มโนกันไปเองว่าได้ผล”

แต่ถ้าให้อธิบายก็คือ การงดอาหารประเภทอื่น ๆ แล้วกินแต่ธัญพืช ผักและผลไม้นั้น จะทำให้ร่างกายได้ใยอาหารเพิ่มขึ้นจากภาวะปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่ในวันทั่วไปไม่ค่อยกินผักหรือผลไม้เลย หากมาเลือกกินแบบดีทอกซ์จะเป็นการเพิ่มใยอาหารปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้น ก็จะกระตุ้นให้ถ่ายท้องได้อยู่แล้ว จึงทำให้พาลคิดเอาว่า ร่างกายกำลังล้างสารพิษ “นี่ไง เราถ่ายท้องออกมามากกว่าปกติแล้ว” ทำนองนั้นครับ

แต่ข้อมูลทางการแพทย์และโภชนาการ ได้มีการศึกษาพบว่า การบริโภคผักและผลไม้เป็นประจำ โดยได้รับรวมกันเฉลี่ย 400 กรัมต่อวันนั้น สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ รวมทั้งป้องกันภาวะผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี ซึ่งข้อความนี้คือ คำแนะนำให้มีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ให้กินผักผลไม้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ไม่ค่อยกินต่างหาก

แล้วการเลือกกินอาหารประเภทใดจะช่วยล้างสารพิษได้ ? เรื่องนี้ตกไปเลยครับ เพราะว่าสารอนุมูลอิสระหรือสารพิษต่าง ๆ ที่เราได้รับ หากเป็นอันตรายต่อร่างกายแต่ได้รับในปริมาณไม่มาก ตับของเรามีหน้าที่ในการจัดการเอง แต่กรณีพิษรุนแรง เช่น ยาฆ่าหญ้า พิษงู นั้น ร่างกายไม่สามารถจัดการเองได้แน่นอน ต้องไปพบแพทย์เพื่อแก้ไข ส่วนการตกค้างของสารเคมีที่ว่าสามารถสะสมในเนื้อเยื่อต่าง ๆ หรือตับนั้น “เราไม่สามารถออกแรงกำจัดได้ด้วยสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องรอให้ร่างกายกำจัดหรือขับออกมาเองตามธรรมชาติ” การใส่สารคีเลทหรือสารใด ๆ ที่นำมาทดลองในหลอดทดลองว่าได้ผลนั้น เมื่อนำมาศึกษาวิจัยแล้วพบว่า ไม่ได้ผล หรือหากได้ผลก็ตาม ร่างกายเราก็มักแบกรับความเสี่ยงมากเกินกว่าจะให้ใช้งานได้จริงนั่นเองครับ

แล้วทำอย่างไรให้ดีที่สุดสำหรับร่างกาย ในเรื่องของสารพิษ ?

ที่เราทำได้คือ ทำให้การทำงานของระบบล้างสารพิษนั้น สะดวกและคล่องตัวที่สุดก็พอ มีคำแนะนำต่อไปนี้ครับ

 

• ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอเป็นประจำ จะทำให้ไตขับสารต่างๆ ได้โดยสะดวก

 

• เลือกกินอาหารที่สะอาด สุก และไร้การปนเปื้อนส่วนผสมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือความผิดปกติ

 

• กินผัก ผลไม้และธัญพืชเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้รับใยอาหารเพียงพอและเหมาะสมต่อการป้องกันโรคต่าง ๆ

 

• หลีกเลี่ยงการกินเพราะเสียดายอาหารที่เก่าเก็บ เช่น ธัญพืช ถั่วและพริกแห้ง หากเก็บไว้นานสามารถเกิดเชื้อราที่ก่อสามารถก่อสารพิษที่ชื่อว่า Aflatoxin (อะฟลาท็อกซิน) ได้ ซึ่งเป็นพิษต่อตับโดยตรง ทำให้เกิดมะเร็งตับได้

 

• รับประทานอาหารให้หลากหลายและครบถ้วนทุกกลุ่มอาหาร เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับสารใดสารหนึ่งซ้ำ ๆ จนอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น หมุนเวียนเปลี่ยนการรับประทานผักบุ้ง ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ไปเรื่อย ๆ เหตุคือ หากมีการปนเปื้อนของสารเคมีบางประเภทในช่วงนั้น ๆ เราไม่สามารถรู้ได้เลย การหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนอาหารไปเรื่อย ไม่บริโภคอาหารใดอาหารหนึ่งซ้ำซาก จะเป็นการลดความเสี่ยงที่จะได้รับสารนั้น ๆ ลงได้

 

ขั้นตอนเหล่านี้เป็นขั้นตอนง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารพิษลดลง รวมทั้งให้ร่างกายได้มีการกำจัดสารพิษเก่าออก โดยไม่ได้รับสารพิษใหม่เข้าไปแทนด้วย ส่วนเรื่องที่ว่าด้วยการทำเพื่อการดีทอกซ์นั้น ขอให้ฟังหูไว้หูก่อน เพราะหลักการเหล่านั้นแม้จะไม่ได้ผลจริงตามที่กล่าวอ้าง แต่แนวทางปฏิบัติบางประเด็นก็สามารถทำตามได้ โดยไม่ต้องกังวลมากนัก ขอให้มีความสุขกับการดูแลสุขภาพครับ

 

 

(Visited 536 times, 1 visits today)

Last modified: May 10, 2019