ทำไมถึงลดไม่ได้
ถ้าลองเสริชคำว่า ลดน้ำหนักใน google เราจะพบว่า ข้อมูลส่วนใหญ่ จะให้คุณออกกำลังกายหนักๆ อดอาหาร/กินให้น้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็น งดมื้อเย็น เปลี่ยนไปเป็นกินเกาหลา น้ำเต้าหู้แทน แล้วไปออกำลังกายวันละ 1-2 ชม. ซึ่งวิธีการพวกนี้ #ยิ่งทำยิ่งอ้วน เพราะอะไร?
เราลองนึกภาพดูครับ ทุกคืนคุณต้องเข้านอน ทั้งๆที่หิวมาก แล้วพรุ่งนี้ต้องไปออกกำลังกายหนักๆต่ออีก ถามจริงๆ นั่นใช่ชีวิตที่คุณต้องการจริงๆเหรอ ถ้าใช่ คุณจะทนทำมันได้นานแค่ไหน 1 2 หรือ 3 สัปดาห์ แถมยิ่งทำนานเท่าไหร่ #ระบบเผาผลาญเรายิ่งพังเท่านั้น
พอเราอดทนทำไม่ไหว เราก็ตบะแตก หรือลดน้ำหนักได้จนพอใจแล้ว เราก็กลับมาทานตามปกติ แน่นอนว่าโยโย่เอฟเฟ็กต์ก็จะตามมา คุณลดได้เท่าไหร่ น้ำหนักจะดีดกลับมาอย่างต่ำเท่านั้น (ส่วนใหญ่เราพบว่าเพิ่มขึ้นมามากกว่าเดิม)
บางรายทนไม่ไหว ถึงกับต้องหันไปพึ่งยาลดน้ำหนักที่อันตรายต่อร่างกาย ท้ายที่สุดมีหลายท่านที่ต้องเสียชีวิตลง มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้นกับใครเลย
ระบบเผาผลาญพังคืออะไร
เรามักเข้าใจว่าการทานอาหารมากเกินทำให้เราอ้วน และเรามักจะเข้าใจว่าการทานน้อยๆจะทำให้ไขมันลด ในเมื่อความเป็นจริงถูกแค่ส่วนที่ว่าการกินเกินจะทำให้น้ำหนักเพิ่ม กลับกับการทำให้ไขมันลดไม่ใช่การทานให้น้อย แต่เป็นการทานให้ “พอดี” มากกว่า เราพบว่า กว่า 90% ของผู้ที่ลดน้ำหนัก ทานน้อยเกินไป และ ออกกำลังมากเกินไป และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ระบบเผาผลาญคุณพัง หลังจากที่ระบบเผาผลาญคุณพังแล้วต่อให้ทานเพียงแค่วันละ 1 มื้อ น้ำหนักคุณก็จะไม่ลดอีกต่อไป ดังภาพด้านล่าง
แล้ววิธีที่ถูกต้องเป็นอย่างไร?
จากการให้คำปรึกษาผ่าน Fanpage และ ติดตามดูแลผู้เข้าโปรแกรม 60 days challenge กับ PlanforFIT เราพบว่าคนส่วนใหญ่ทานน้อยอยู่แล้ว แต่น้ำหนักไม่ลด นั่นคือมีอาการระบบเผาผลาญพังโดยไม่รู้ตัว จากหลายๆสาเหตุ อาทิเช่น รูปแบบชีวิตประจำวันที่ไม่สามารถทานอาหารได้ตามปกติ การนอนน้อย การดื่มแอลกอฮอล หรือสาเหตุหลักที่พบบ่อยได้บ่อยมากคือ พยายามลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารมากเกินไป
ดังนั้นแล้ว PlanforFIT แนะนำให้ซ่อมระบบเผาผลาญให้กลับมาตามปกติก่อน เพื่อให้คุณสามารถทานอาหารให้เยอะขึ้น โดยที่น้ำหนักคงที่ หรืออาจจะลดลงตั้งแต่ช่วงแรกๆที่มีการซ่อมระบบเผลาผลาญ ตัวอย่างเช่น
– คนที่ระบบเผาผลาญพัง ปกติทานข้าววันละ 2 ถ้วย พอเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักแล้ว จะลดการทานข้าวเป็น 1 ถ้วยหรือไม่ทานเลย
– คนที่ซ่อมระบบเผาผลาญก่อน ปกติทานข้าววันละ 2 ถ้วย หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว อาจจะสามารถทานได้ถึงวันละ 4-5 ถ้วย หลังจากนั้นแล้วค่อยลดข้าวลงเพื่อเข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก
คุณลองนึกภาพตามดูว่า คนที่สามารถทานข้าวได้วันละ 4-5 ถ้วย แต่ลดน้ำหนักได้ กับทานข้าววันละ 1 ถ้วยเท่านั้น แบบไหนที่จะลดแล้วมีความสุข หรือทำได้ในระยะยาวมากกว่ากัน
ทำไม PlanforFIT’s 60Days ถึงสามารถกินได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า ออกกำลังกายน้อยลง แต่น้ำหนักยังลดได้
1.เรามีทีมงานที่เชี่ยวชาญการลดไขมันแนวคิดใหม่ที่สุด กับการค้นคว้าและพัฒนา ในเคสและการนำไปใช้จริงจนกลายมาเป็น Algorithm ที่ใช้เวลากว่า 3ปี และ ทีมงานของเราเป็นทีมแรกที่ใช้แนวคิดเรื่องการลดไขมันกับระบบเผาผลาญ โดยเริ่มที่การซ่อมระบบเผาผลาญของคุณก่อน
2.เรามีระบบที่ดีที่สุด ที่จะจัดการ จัดเก็บทุกข้อมูลที่สำคัญต่อการเปลี่ยน ปรับโปรแกรม ง่ายต่อการใช้
3.ทีมงานฝ่ายสนับสนุนทั้งในเรื่องแนวทาง การหาคำตอบต่างๆ แนวคิด ทฤษฏี และ การใช้ชีวิต
4.สังคม แรงบันดาลใจ กลุ่มคนที่ร่วมแนวทางเดียวกัน กลุ่มคนที่กำลังเผชิญในสิ่งๆเดียวกัน การพูดคุยกับคนเหล่านั้นสร้างแรงบันดาลใจได้ดีกว่าการคุยกับคนที่ทำสำเร็จแล้วถึงมาบอกทีหลัง รวมทั้งกิจกรรมร่วมสนุกต่างๆเมื่ออยู่ในโปรแกรม
5.การวางแผนมากกว่าผลลัพธ์ เราสามารถทำให้ผู้เข้าร่วมลดน้ำหนักมากๆในระยะเวลาสั้นๆและรู้สึกว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีได้ “แต่เราไม่ทำ” เพราะเราทราบดีว่าการหุ่นดีระยะเวลาสั้นๆที่และมาด้วยโยโย่เอฟเฟกต์และปัญหาสุขภาพต่างๆในภายหลังนั้นไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงรูปร่างที่แท้จริง เราให้ความสำคัญกับการวางแผนที่ดีมากกว่าการเร่งเอาผลลัพธ์เพื่อมาโปรโมทต่อๆไป
PlanforFIT’s 60Days ไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงแค่สิ่งเหล่านั้น แต่ PlanforFIT’s 60Days ยังคำนึงถึงทุกๆมิติที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง สังคม, ความรู้พื้นฐาน, “การใช้ชีวิตในสถานการณ์จริงๆ” เราทราบว่าผู้ที่เข้าร่วมก็ยังต้องการใช้ชีวิต “ปกติ” ที่ไม่ใช่การเก็บตัวแบบแนวทางนักกีฬาโดยที่ทำได้เพียงระยะเวลาแค่สั้นๆ ทั้งหมดนี้ โดยคำตอบได้ถูกตอบ คำแนะนำได้ถูกแนะนำโดยผู้ที่มีประสบการณ์และผู้เชี่ยวชาญเพื่อรองรับแนวคิดเหล่านั้น
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งและเป็นแรงสะท้อนให้ผู้ที่กำลังประสบปัญหา และ ผู้ที่กำลังร่วมเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ปรับเปลี่ยนมุมมองและมีหุ่นดีอย่างมีความสุขไปด้วยกัน
