หลายคนคิดว่าการลดน้ำหนัก เป็นเหมือนกับเส้นทางที่เดินลงเขา นั่นคือเมื่อเริ่มโปรแกรมลดน้ำหนัก และไขมันนั้นจะทำให้น้ำหนักลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
แต่ในความเป็นจริงแล้วการลดน้ำหนัก และไขมันนั้นคล้ายกับการลงบันไดมากกว่า นั้นคือเมื่อลดน้ำหนัก ไปซักพักนึงแล้วจะเจอช่วง “ขั้นบันได” ที่น้ำหนักคงที่ไม่ยอมลดลงต่อไปอีก จุดที่น้ำหนักไม่ยอมลงไปอีกนี้ทางเทคนิคเรียกว่า “จุดตัน (Plateau)”
ซึ่งหลายคนเมื่อเจอจุดตันที่ว่านี้จะคิดว่าการลดน้ำหนัก ของเรานั้นไม่ได้ผล ผิดวิธี ซึ่งจริงๆ แล้วการที่เรามาเจอจุดตันได้นั้นหมายความว่าเรามาถูกทางแล้วต่างหาก เนื่องจากกว่าการที่เราลดน้ำหนัก และไขมันที่ถูกวิธีนั้น เรามักจะทำให้ Cal In ให้น้อยกว่า Cal out ซึ่งจะทำให้เกิดผลตามมาดังนี้
การเผาผลาญตกลงเนื่องจากการลดสารอาหาร
เมื่อร่างกายได้สารอาหารน้อยลงก็ย่อมส่งผลทำให้ระดับการเผาผลาญตกลงและต่อเนื่องด้วยการที่น้ำหนักไม่ลด เพราะร่างกายจะพยายามปรับตัวให้เข้ากับสารอาหารช่วงไดเอท ในเมื่อได้รับสารอาหารน้อย ร่างกายก็ตอบสนองด้วยการลดระดับการเผาผลาญลง
การเผาผลาญตกลงเนื่องจากมวลกล้ามเนื้อลดลง
เมื่อร่างกายได้รับพลังงานน้อยกว่าที่ต้องการใช้นั้น ทางออกอีกทางนึงของร่างกายที่จะจัดการปรับสมดุลตรงนี้คือการที่ลดส่วนที่สิ้นเปลืองพลังงาน นั้นก็คือร่างกายทำการสลายกล้ามเนื้อที่เรามีซะ การสลายกล้ามเนื้อให้มีปริมาณน้อยลงนั้นช่วยให้มวลส่วนที่สิ้นเปลืองพลังงานลดลง และกล้ามเนื้อที่สลายนั้นยังเอาไปใช้เป็นพลังงานได้อีก เมื่อร่างกายมีมวลกล้ามเนื้อน้อยลงก็ทำให้ระดับการเผาผลาญตกลงเช่นกัน
ดังนั้นการที่เราเจอจุดตันนั้นไม่ได้หมายความว่าการไดเอทเราล้มเหลว แต่นั่นหมายความว่าการไดเอทเรามาถึงจุดที่ร่างกายปรับสมดุลใหม่แล้วต่างหาก หากจะต้องการลดน้ำหนัก และไขมันต่อไปก็ต้องพยายามผ่านจุดตันนี้ให้ได้โดยการ
1.ลดสารอาหารลงไปอีก : แต่กรณีนี้ต้องประเมินกันให้ได้ ถ้าการลดสารอาหารแล้วทำให้แคลอรี่รวมต่อวันต่ำมากๆ เช่นต่ำมากกว่า 1,500 Kcal/วัน นั้น ก็ไม่สมควรทำ
2.เพิ่มการออกกำลังกาย : เช่นเพิ่มคาร์ดิโออีกซัก 10-20 นาที/วัน หรือเพิ่มจำนวนวันออกกำลังกาย สำหรับทางเลือกนี้สามารถเพิ่มได้เรื่อยๆ จนกว่าจะกระทบต่อการฟื้นตัวของร่างกาย แต่ถ้าเพิ่มแล้วรู้สึกเหนื่อยล้าสะสมเกินไปก็ควรลดระดับลงมา